กยท. ร่วมทัพจัดงานมหกรรมยางล้อระดับนานาชาติ “TyreXpo Asia 2024” ขนผู้ผลิต-ผู้ค้าทั่วภูมิภาคร่วมงานคับคั่ง ระหว่างวันที่ 15-17 พ.ค. นี้ ณ ฮอลล์ 98 ไบเทค บางนา โดยมี ‘ร้อยเอก ธรรมนัส’ เป็นประธานเปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเปิดตัว! แบรนด์ล้อยาง กยท. “Greenergy Tyre” ภายใต้แนวคิด ขับเคลื่อนทุกชีวิต
สู่ความยั่งยืน
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดยางล้อเติบโตขึ้น มีการขยายตัวของภาคการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้ยางล้อ สิ่งนี้ส่งผลให้มีจำนวนผู้ผลิตยางล้อมากขึ้นในไทย ช่วยส่งเสริมรายได้เพิ่มให้กับกับอุตสาหกรรมยางล้อในไทย รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมยางล้อ โดยการให้ส่วนลดทางภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนที่มากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพในการผลิตยางล้อ ซึ่งการจัดงาน “TyreXpo Asia 2024” ในช่วงเวลาที่เหมาะสมนี้จะเป็นการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมให้เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยเมื่อต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์สำหรับต้นไม้ที่เป็นพืชเศรษฐกิจ เช่น ต้นยางพารา เพื่อรับรองการมีอยู่ของต้นยางพาราในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นการขยายโอกาสแก่เกษตรกรให้เข้าถึงพื้นที่ทำกิน สามารถแปลงทรัพย์สินให้เป็นทุนเพื่อใช้ประกอบอาชีพการทำสวนยาง ผลักดันให้ไทยเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบยางระดับโลก เพื่อสร้างความสมดุลของห่วงโซ่อุปทานทางอุตสาหกรรมยางไทยให้เติบโตต่อไปในอนาคต
“อุตสาหกรรมยางในวันนี้กำลังเดินหน้าอย่างมีศักยภาพ ผู้ผลิตยางในไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในตลาดโลก มีการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาผนวกใช้โดยคำนึงถึงมิติความยั่งยืนอย่างที่สอดรับกับกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EUDR ผนวกกับการมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับผู้ประกอบการไทยผ่านการจัดงานครั้งนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการรักษาความเป็นผู้นำ และตอบสนองความต้องการยางที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนเป็นกลไกที่สำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมในอนาคต นี่คือสิ่งที่เราทุกภาคส่วนกำลังเดินหน้าไปด้วยกัน” รมว.เกษตรฯ กล่าวเสริม
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า กยท. ในฐานะองค์กรกลางที่มุ่งบริหารจัดการยางพาราของไทยทั้งระบบให้เกิดความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการจัดการทรัพยากรอย่างรับผิดชอบเราตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อม รวมถึงมุ่งมั่นสนับสนุนพัฒนาศักยภาพเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยางพารา เพื่อยกระดับคุณภาพของผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปยางที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นำไปสู่การเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตสู่ความยั่งยืน ดังนั้น การจัดงาน TyreXpo Asia 2024 จะกลายเป็นเวทีความร่วมมือและเป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมยางไทย ด้วยนวัตกรรม และความก้าวหน้าในเทคโนโลยียางรถยนต์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
“งานมหกรรมล้อยางระดับนานาชาติครั้งนี้ เป็นการปูทางที่สำคัญสู่การยกระดับอุตสาหกรรมยางไทยให้สามารถผลิตสินค้าขานรับกับความต้องการของตลาดที่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานยางของไทยตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เติบโตขึ้น และสร้างความได้เปรียบทางการค้าในฐานะผู้นำแนวหน้าในอุตสาหกรรมยางโลก” ผู้ว่าการ กยท. กล่าว
นายณกรณ์ กล่าวถึงการเปิดตัวล้อยางของ กยท. ภายใต้แบรนด์ Greenergy Tyre อย่างเป็นทางการภายในงานนี้ว่า เป็นการตอกย้ำความพร้อมของวัตถุดิบยางธรรมชาติไทยที่มีมากกว่า 4 ล้านตัน ซึ่งวัตถุดิบยางที่นำไปแปรรูปเป็นยางล้อ Greenergy Tyre นั้น จะผ่านกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับว่าไม่บุกรุกพื้นที่ป่า โดยกระบวนการผลิตเริ่มจากรับซื้อวัตถุดิบน้ำยางของเกษตรกรกร หรือสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางซึ่งอยู่ในระบบทะเบียนของ กยท. ซึ่งมีข้อมูลระบุพิกัดที่ตั้งสวนยางชัดเจน และซื้อขายผ่านตลาดกลางยางพารา กยท. ก่อนส่งเข้าโรงงานแปรรูปเป็นยาง STR และโรงงานผลิตยางล้อ Greenergy Tyre ดังนั้น ทุกขั้นตอนซื้อขายหรือส่งต่อสินค้าจึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปยังแหล่งกำเนิดได้ทุกเส้น ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์สามารถมั่นใจได้ถึงคุณภาพและแหล่งที่มาของวัตถุดิบ มีมาตรฐานในระดับที่สากลยอมรับ เบื้องต้นมีผู้ประกอบการสนใจซื้อยางล้อและวัตถุดิบยางเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยางล้อคิดเป็นรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
นายพรรธระพี ชินะโชติ ประธานกรรมการร่วม อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “TyreXpo Asia 2024” จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย ภายใต้แนวคิด “Your One-Stop Show for Tyres, Automotive Repair & Maintenance and Tyre Accessories” ภายในงานทุกคนจะได้พบกับแบรนด์สินค้าชั้นนำด้านยางล้อและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องกว่า 250 แบรนด์ จากกว่า 90 บริษัท ร่วมจัดแสดง รวมถึงการประชุมระดับนานาชาติเกี่ยวกับองค์ความรู้และนวัตกรรมอุตสาหกรรมยางล้อ ซึ่งครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนที่ดีทั้งจากภาครัฐ นำโดย การยางแห่งประเทศไทย รวมถึงภาคเอกชนและกลุ่มสมาคมต่างๆ ในอุตสาหกรรมยาง งานนี้จึงเป็นโอกาส “เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มอุตสาหกรรมยางทั่วทุกมุมโลก”