เครือเบทาโกร มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมอาหาร ผ่านการสร้างคุณค่าร่วม (CSV) ตลอดห่วงโซ่การผลิต เพื่อชีวิตที่ยั่งยืน
กรุงเทพฯ – เครือเบทาโกร ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารคุณภาพชั้นนำของประเทศไทย มุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงในราคาที่เป็นธรรมสู่ผู้บริโภค ภายใต้การดำเนินธุรกิจรูปแบบ Creating Shared Value หรือ CSV มุ่งเน้นการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม เพื่อธุรกิจและสังคมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า “เครือเบทาโกร ดำเนินธุรกิจด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการช่วยให้ประชาชนและชุมชน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยอาหารที่มีคุณภาพมากขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ในราคาที่เป็นธรรม ซึ่งวันนี้ ทุกผลิตภัณฑ์จากเครือเบทาโกรนอกจากคุณภาพและปลอดภัยแล้ว เรายังผสานหลักความรับผิดชอบต่อสังคมเข้าสู่กระบวนการดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด CSV ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจรูปแบบการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม เพื่อให้ธุรกิจและสังคมเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน”
การดำเนินธุรกิจในรูปแบบ CSV ของเครือเบทาโกร คือการนำศักยภาพขององค์กรในด้านองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และความชำนาญของธุรกิจ มาร่วมพัฒนาและสนับสนุนผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่ เกษตรกร คู่ค้า ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค มุ่งหวังให้ธุรกิจและสังคมเติบโตไปด้วยกัน อย่างกรณีตัวอย่าง “ธุรกิจไก่ไข่” เบทาโกรดำเนินธุรกิจควบคู่กับการมุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาชีพที่มั่นคง ด้วยการสนับสนุนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญทั้งในด้านระบบการเลี้ยง การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ชั้นดีที่ให้ผลผลิตตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
การจัดการฟาร์มด้วยเทคโนโลยีทันสมัย รวมถึงการให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสม พร้อมเพิ่มโอกาสการเข้าถึงโครงการจ้างเลี้ยงไก่รุ่น และโครงการประกันราคาไก่ไข่ ตลอดจนนโยบายส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพให้แก่คนในพื้นที่หรือชุมชนรอบข้าง ในส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร เครือเบทาโกรพร้อมสนับสนุนด้วยวัตถุดิบคุณภาพ และนวัตกรรมอาหารต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการให้ความรู้เรื่องการทำธุรกิจร้านอาหาร ตั้งแต่การร่วมพัฒนาสูตร แนะนำกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และการควบคุมต้นทุน เพื่อต่อยอดความสำเร็จทางธุรกิจให้เติบโตก้าวหน้าไปด้วยกัน และส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสู่ผู้บริโภควงกว้างมากขึ้น
“ทั้งหมดนี้ นับเป็นการสร้างคุณค่าและประโยชน์ให้ทุกฝ่ายร่วมกันตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหารอย่างแท้จริง ที่จะนำไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศ พร้อมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของทุกคน” นายวสิษฐ กล่าวปิดท้าย