ส. กุ้งไทย ชี้ผลผลิตกุ้งปี 65 ไม่ตามเป้า ได้ 2.8 แสนตัน เหตุยังแก้ปัญหาโรคกุ้งไม่ได้

ส. กุ้งไทย ชี้ผลผลิตกุ้งปี 65 ไม่ตามเป้า ได้ 2.8 แสนตัน เหตุยังแก้ปัญหาโรคกุ้งไม่ได้
เสนอทุกพรรคการเมืองต้องกำหนดนโยบายพลิกฟื้นอุตฯกุ้งของประเทศ สู้ศึกเลือกตั้ง
ทวงคืนโอกาสรายได้ส่งออก 5 แสนล้านบาท
 

           
วันนี้ (14 ธันวาคม 2565) นายเอกพจน์  ยอดพินิจ นายกสมาคมกุ้งไทย นำทีมคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ  ประกอบด้วย นายปกครอง  เกิดสุข อุปนายกสมาคมฯ และประธานที่ปรึกษาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่    นางสาวพัชรินทร์ จินดาพรรณ นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย และเลขาธิการสมาคมกุ้งไทย  นายพิชญพันธุ์  สลิลปราโมทย์ กรรมการบริหารสมาคมกุ้งไทย และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี และ นายปรีชา สุขเกษม กรรมการบริหารสมาคม เปิดเผยถึงสถานการณ์กุ้งของไทย ปี 2565 ว่า ผลผลิตกุ้งเลี้ยงปี 2565 โดยรวมอยู่ที่  280,000  ตัน เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากยังคงเผชิญปัญหาเรื่องโรค และสภาพอากาศไม่อำนวย เตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องทุกพรรคการเมืองที่อาสามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งที่จะมาถึง กำหนดนโยบายเรื่องกุ้งให้ชัดเจน เน้นแก้ปัญหาโรค เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้จากการส่งออก นำเงินเข้าประเทศ

สถานการณ์การผลิตกุ้งของไทยปีนี้ (ปี 2565) คาดจะผลิตกุ้งได้ประมาณ 280,000 ตัน เท่ากับปีที่แล้ว เป็นผลผลิตกุ้งจากภาคใต้ตอนบน ร้อยละ 32  จากภาคตะวันออก ร้อยละ 25  ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามัน ร้อยละ 21 และ จากภาคกลาง ร้อยละ 12  ภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ร้อยละ 10 ส่วนผลผลิตกุ้งทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ  4.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11   โดยประเทศในกลุ่มอเมริกากลาง-อเมริกาใต้ ผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้นมาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้วและปีที่ผ่านๆมา โดยเฉพาะ เอกวาดอร์ ขณะที่ประเทศทางเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม ผลิตกุ้งได้ลดลง อินเดียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  อินโดนีเซียเพิ่มขึ้น  ส่วนจีนผลิตกุ้งได้เพิ่มขึ้นหลังมีการเลี้ยงกุ้งกุลาดำมากขึ้น เป็นต้น ดังแสดงในตารางที่ 1

ส่วนการส่งออกกุ้งเดือน ม.ค. – ต.ค. ปีนี้ ปริมาณ 122,208  ตัน มูลค่า 42,812 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 128,758  ตัน มูลค่า 39,251 ล้านบาท ปริมาณลดลง ร้อยละ 5 แต่มูลค่า เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9 (ดังแสดงในตารางที่ 2) นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าว และคาดการณ์ว่า ไทยจะผลิตกุ้งได้ 300,000 ตัน ในปี 2566  (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7)

นายปกครอง  เกิดสุข อุปนายกสมาคมกุ้งไทย และประธานที่ปรึกษาชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดกระบี่ กล่าวถึงสถานการณ์การเลี้ยงกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอันดามันว่า ผลผลิตปี 2565 คาดการณ์ว่ามีผลผลิตประมาณ 58,200 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 2 พบการเสียหายโรคตัวแดงดวงขาวจำนวนมากในช่วงต้นปี และเชื้ออีเอชพีและโรคขี้ขาว ยังเป็นปัญหาสำคัญ ทำให้เกษตรกรจับกุ้งก่อนกำหนด เกษตรกรบางส่วนที่เลี้ยงกุ้งขาวไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ตรัง กระบี่ พังงา และภูเก็ต เปลี่ยนไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำมากขึ้

นางสาวพัชรินทร์   จินดาพรรณ นายกสมาคมกุ้งตะวันออกไทย และเลขาธิการสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งปี 2565 ในพื้นที่ภาคตะวันออกประมาณ 69,900 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 12 โดยสภาวะอากาศแปรปรวนในช่วงต้นปี ส่งผลให้เกิดความเสียหายจากโรคตัวแดงดวงขาว และฝนที่มาเร็วกว่าปกติและตกหนัก ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยง บางพื้นที่เกิดน้ำท่วม และหลังน้ำลดเกิดปัญหาโรคระบาดหัวเหลืองและตัวแดงดวงขาวตามมา เกษตรกรบางส่วนชะลอการลงกุ้งเนื่องจากแหล่งน้ำธรรมชาติมีความเต็มต่ำ คุณภาพน้ำไม่เหมาะสม นอกจากนี้ พบอาการขี้ขาวในบ่อกุ้งระหว่างเลี้ยง ทำให้ต้องจับกุ้งก่อนกำหนด ผลผลิตต่อไร่ต่ำ

ส่วนผลผลิตภาคกลาง ประมาณ 34,100 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เกษตรกรมีการลงกุ้งอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากราคากุ้งดี สภาพอการแปรปรวนช่วงต้นปี ส่งผลให้เกิดโรคหัวเหลืองและตัวแดงดวงขาว รวมถึงปัญหาขี้ขาวทำให้เกษตรกรจับกุ้งก่อนกำหนด นอกจากนี้ปัจจัยการผลิตราคาปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตของเกษตรกรสูงขึ้น

นายพิชญพันธุ์   สลิลปราโมทย์ กรรมการบริหารสมาคม และประธานชมรมผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ผลผลิตกุ้งปี 2565 ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนประมาณ 89,402 ตัน ไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมา โดยช่วงต้นปีเกษตรกรลงกุ้งอย่างต่อเนื่องเนื่องจากราคากุ้งดี อย่างไรก็ตาม ช่วงต้นปีพบความเสียหายจากโรคตัวแดงดวงขาว สภาพอากาศที่แปรปรวนและปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีความเสียหายจากโรคขี้ขาว ทำให้เกษตรกรบางส่วนหันไปเลี้ยงกุ้งกุลาดำ

นายปรีชา  สุขเกษม กรรมการสมาคมกุ้งไทย กล่าวว่า  ผลผลิตกุ้งภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย 28,400 ตัน  ลดลงร้อยละ 21 อีเอชพีและขี้ขาว เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงของเกษตรกรตลอดปี ทำให้ผลผลิตลดลงมาก และเกษตรกรต้องจับกุ้งก่อนกำหนด ตัวแดงดวงขาวระบาดรุนแรงในช่วงต้นปี ฝนที่ตกหนักส่งผลให้น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความเค็มต่ำ ทำให้การเลี้ยงประสบปัญหามากกว่าทุกปี เกษตรกรต้องปรับตัวโดยการพักบ่อนานขึ้น ทยอยการปล่อยกุ้ง และลดความหนาแน่นในการเลี้ยง เพื่อลดความเสี่ยง


“ในช่วงต้นปีที่สมาคมกุ้งไทย และตัวแทนอุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตลอดสายห่วงโซ่การผลิต ได้เข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และต่อมาได้ยื่นหนังสือ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้สินค้ากุ้งเป็นวาระแห่งชาติ และออกมาตรการแก้ปัญหาการเลี้ยงเรื่องโรคให้พี่น้องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งเร่งด่วน เพื่อพลิกฟื้น สร้างความเข้มแข็ง ให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยทั้งระบบอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายคือ วัตถุดิบกุ้ง 400,000 ตัน เพื่อการส่งออก ให้ได้ในปี 2566 โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องโรคซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พี่น้องเกษตรกรฯ เลี้ยงกุ้งไม่ได้ แต่จากตัวเลขผลผลิตกุ้งในปี 2565 ก็ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้จะรัฐบาลโดยกรมประมงมีความพยายามดำเนินการในหลายด้าน แต่อาจด้วยข้อจำกัด ทำให้การแก้ปัญหาที่ผ่านมาไม่ตอบโจทย์ โรคกุ้งยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกร

สมาคมกุ้งไทยจึงขอเสนอไปยังพรรคการเมืองทุกพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปีหน้า ให้เห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมกุ้งไทยที่เคยเป็นอุตสาหกรรมอันดับหนึ่งทำรายได้เข้าประเทศปีละเกือบแสนล้าน มีผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งทางตรงทางอ้อมและครอบครัวกว่า 1 ล้านคน แต่ 10 กว่าปี หลังเกิดโรคระบาดในกุ้ง อุตฯกุ้งไทย สูญเสียโอกาส-รายได้จากการส่งออกถึง 500,000 ล้านบาท ดังนั้น พรรคการเมืองที่จะมาเป็นรัฐบาลหน้า จะต้องกำหนดเป็นนโยบายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อแก้ปัญหาโดยเฉพาะโรคกุ้ง พลิกฟื้น พัฒนาสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ให้กับอุตสาหกรรมกุ้งไทย เพื่อให้เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศปีละเกือบแสนล้าน/กว่าแสนล้านบาทให้ได้ เพื่อเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย เหมือนที่เป็นมาก่อนเผชิญปัญหาโรคระบาดให้ได้” นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวทิ้งท้าย