เตือน! หนาวนี้ ระวัง “ข้าวกระทบหนาว” แนะชาวนาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
นายณัฎฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากประกาศของกรมการอุตุนิยมวิทยาถึงพยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรในช่วงวันที่ 3 – 4 พ.ย. 65 ว่า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทําให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นถึงหนาว
โดยอุณหภูมิจะลดลงอีก 1–2 องศาเซลเซียสสภาพภูมิอากาศ กรมการข้าวจึงมีความเป็นห่วงเกษตรกรที่ปลูกข้าว เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นลงอาจทำให้ประสบกับปัญหา “ข้าวกระทบหนาว” ที่จะส่งผลให้ได้ผลผลิตไม่เต็มที่
อธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า เกษตรกรควรหมั่นตรวจแปลงนาและสังเกตความผิดปกติของต้นข้าว เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที โดยอาการของต้นข้าวที่ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวนั้นส่วนใหญ่พบว่า ข้าวมีโอกาสเป็นหมันสูง ออกรวงช้า และสุกแก่ไม่พร้อมกัน โดยอาการเป็นหมันนั้นจะพบในช่วงวิกฤติในอุณหภูมิ 15 – 17 องศาเซลเซียส และจะพบอาการดังกล่าวในอุณหภูมิ 17 – 19 องศาเซลเซียส สำหรับพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอต่ออากาศหนาว ซึ่งพันธุ์ข้าวที่มีความอ่อนแอต่อสภาพอากาศหนาวเย็นนั้น ได้แก่ พันธุ์สุพรรณบุรี 3 ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับข้าวทุกระยะ
นอกจากนี้ อุณหภูมิที่ลดต่ำลงยังส่งผลกระทบให้การสังเคราะห์แสงของข้าวลดลงอย่างมาก หากอุณหภูมิของรากและอากาศต่างกัน 5 – 7 องศาเซลเซียส ซึ่งส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำตาลในใบข้าวด้วย และพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอเมื่อกระทบต่ออุณหภูมิต่ำ ปริมาณโปรตีนในอับเรณูของข้าวจะเปลี่ยนแปลงไปมากกว่า 2 เท่าและหากยังคงมีอากาศหนาวต่อเนื่อง อาจส่งผลกระทบต่อการออกรวง และผลผลิต แนวทางแก้ไข คือ ฉีดพ่นฮอร์โมน (NAA, ไซโตไคนิน หรืออื่น ๆ) เพื่อกระตุ้นให้ข้าวออกรวง
“หากพี่น้องชาวนาจำเป็นหรือต้องการปลูกข้าวในช่วงอากาศหนาว แนะนำให้ใช้พันธุ์ข้าวที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวได้แก่ พันธุ์ชัยนาท 1 กข31 พันธุ์ กข41 และ พันธุ์ กข43 และควรหลีกเลี่ยงพันธุ์ข้าวที่อ่อนแอต่อสภาพอากาศหนาว” อธิบดีกรมการข้าว กล่าว