กยท.“คุมเข้มยางผ่านแดน สกัดลักลอบยางเถื่อน สร้างเสถียรภาพยางไทยอย่างยั่งยืน”

“คุมเข้มยางผ่านแดน สกัดลักลอบยางเถื่อน สร้างเสถียรภาพยางไทยอย่างยั่งยืน”
ปัญหาการลักลอบนำเข้ายางพาราเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นหนึ่งในโจทย์ท้าทายที่ฝังรากมายาวนาน และยังคงเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ชายแดน การที่ยางผิดกฎหมายไหลทะลักเข้าสู่ระบบโดยไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและศุลกากรตามกฎหมาย แม้เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบมหาศาล ไม่เพียงแต่ราคายางที่เกษตรกรได้รับ แต่ยังสร้างความเสียหายต่อเสถียรภาพของอุตสาหกรรมในภาพรวม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินหน้าร่วมกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และกรมวิชาการเกษตร ดำเนินการแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยเปิดปฏิบัติการ “คุมเข้มยางผ่านแดน–กำหนดเขตควบคุมการขนย้ายยาง” ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อยับยั้งการลักลอบนำเข้ายางพาราผิดกฎหมาย ยกระดับการทำงานเชิงรุกทุกจุดเสี่ยง
สู่การสร้างเสถียรภาพราคายางไทยอย่างเป็นรูปธรรม

กยท. ยกระดับระบบ “ตรวจรับรองยางผ่านแดน” ให้โปร่งใสและตรวจสอบได้
ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การควบคุมการนำสินค้ายางพาราผ่านแดน เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการป้องกันยางผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบ การตรวจสอบและรับรองชนิดหรือประเภทของยางที่นำผ่านราชอาณาจักรต้องมีมาตรฐานที่ชัดเจน เพื่อให้ทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้อย่างโปร่งใส กยท. จึงได้จัดทำระบบตรวจสอบและออกใบรับรองชนิดหรือประเภทของยางแก่ผู้ประกอบการ
ที่ต้องการนำผ่านราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการ และได้ออกประกาศ “อัตราค่าบริการตรวจรับรองชนิดหรือประเภทของยางนำผ่านราชอาณาจักร” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2568 พร้อมคู่มือปฏิบัติงานที่ครอบคลุมขั้นตอนตั้งแต่การยื่นคำร้อง การตรวจสอบ ไปจนถึงการออกหนังสือรับรอง
“เราต้องทำให้กระบวนการตรวจสอบมีมาตรฐาน โปร่งใส และตรวจสอบย้อนกลับได้ 100%” – ดร.เพิก กล่าว

‘เขตควบคุมการขนย้ายยาง’ กลไกใหม่ปิดช่องทางลักลอบ เพิ่มความโปร่งใสตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง
การขนส่งยางพาราผ่านแดนระหว่างไทย–เมียนมา–มาเลเซีย จะใช้ 2 ช่องทางหลัก เพื่อยกระดับการจัดการ
ให้เป็นระบบ สะดวก รวดเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการปลอมปนหรือสวมสิทธิ์ระหว่างทาง ได้แก่ ด่านศุลกากรแม่สอด
จ.ตาก และด่านศุลกากรระนอง จ.ระนอง ก่อนมุ่งสู่ด่านศุลกากรสะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
ของการค้าในภูมิภาค มาตรการเหล่านี้สะท้อนถึงความพร้อมของ กยท. ในการทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อให้การตรวจสอบยางผ่านแดนเป็นไปตามกฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการและตลาด
การค้ายางในภูมิภาค ทั้งนี้ ได้กำหนด “เขตควบคุมการขนย้ายยาง” ตามพระราชบัญญัติควบคุมยาง พ.ศ.2542 เพื่อให้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและเส้นทางขนส่งได้ชัดเจน โดยนำร่องในพื้นที่ 5 จังหวัดสำคัญ ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก, อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี, อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์, อ.กระบุรี จ.ระนอง และ อ.เวียงแก่น
จ.เชียงราย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเข้มงวดในการเคลื่อนย้ายผลผลิตยาง ทำให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นทาง การขนส่ง และที่มาของยางได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ช่วยป้องกันการนำเข้ายางจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร พร้อมเสริมประสิทธิภาพให้กับหน่วยงานตรวจสอบในพื้นที่

ความหวังใหม่ของเกษตรกรชาวสวนยาง
มาตรการคุมเข้มยางผ่านแดนและการกำหนดเขตควบคุมการขนย้ายยาง กลายเป็นสัญญาณสำคัญของ
ความเปลี่ยนแปลงที่ชาวสวนยางรอคอยมายาวนาน เมื่อระบบตรวจสอบมีความชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น ปริมาณยางเถื่อนที่เคยไหลเข้าสู่ตลาดก็จะถูกสกัดกั้นอย่างจริงจัง สะท้อนให้เห็นปริมาณยางจริงในระบบ ทำให้ราคายางกลับมามีเสถียรภาพ ฟื้นความเป็นธรรมในตลาดยางไทย เสริมความมั่นใจให้กับผู้ซื้อและผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ
“เมื่อระบบการตรวจสอบเข้มแข็งขึ้น ความเชื่อมั่นของตลาดก็จะกลับมา มูลค่าของผลผลิตที่เกษตรกรตั้งใจทำ
ก็จะได้รับการยอมรับมากขึ้นตามไปด้วย เป้าหมายสูงสุดของเราคือการรักษาเสถียรภาพราคา และทำให้เกษตรกรชาวสวนยางได้รับความเป็นธรรม ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางไทยให้เดินหน้าอย่างมั่นคง ยั่งยืน และแข่งขันได้
ในเวทีโลก” – ดร.เพิก กล่าวย้ำ

Message us